• หน้าแรก

  • ข่าวกิจกรรมประชาสัมพันธ์

  • อีสท์ วอเตอร์ แจงถึงแม้จะยกเลิกมติ ครม.ปี 2535 แต่ยังมีสิทธิ์ใช้โควต้าน้ำจากกรมชลประทานปี 2567 เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก

อีสท์ วอเตอร์ แจงถึงแม้จะยกเลิกมติ ครม.ปี 2535 แต่ยังมีสิทธิ์ใช้โควต้าน้ำจากกรมชลประทานปี 2567 เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก

  • หน้าแรก

  • ข่าวกิจกรรมประชาสัมพันธ์

  • อีสท์ วอเตอร์ แจงถึงแม้จะยกเลิกมติ ครม.ปี 2535 แต่ยังมีสิทธิ์ใช้โควต้าน้ำจากกรมชลประทานปี 2567 เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก

อีสท์ วอเตอร์ แจงถึงแม้จะยกเลิกมติ ครม.ปี 2535 แต่ยังมีสิทธิ์ใช้โควต้าน้ำจากกรมชลประทานปี 2567 เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก


อีสท์ วอเตอร์ แจงถึงแม้จะยกเลิกมติ ครม.ปี 2535 แต่ยังมีสิทธิ์ใช้โควต้าน้ำจากกรมชลประทาน
ปี 2567 เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก


อีสท์ วอเตอร์ มุ่งมั่นและตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกอย่างไม่หยุดยั้ง ย้ำชัดถึงความพร้อมสร้างความมั่นใจ ทั้งแหล่งน้ำหลัก แหล่งน้ำสำรอง ที่มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรม เร่งเดินหน้าโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำเชื่อมโยงแหล่งน้ำในภาคตะวันออกทั้งหมด หรือ Water Grid ความยาวรวม 526 กิโลเมตร หากแม้มีการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2535 เรื่องแนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ ให้มีผู้รับผิดชอบเพียงรายเดียว อีสท์ วอเตอร์ ยังมีโควต้าน้ำ และยังเป็นที่หนึ่งในภาคตะวันออก


นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอยกเลิกการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 เรื่องแนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ ในส่วนที่กำหนดว่า “ระบบท่อส่งน้ำต่างๆ ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียวในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และ การดำเนินการบริหาร/จัดการ (Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller) ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน และขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่างๆ”


จากแนวทางดังกล่าว จะไม่ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำของอีสท์ วอเตอร์ แต่ประการใด เนื่องจากในแต่ละปีทางกรมชลประทานได้มีการจัดสรรน้ำจากปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานในแต่ละปีอยู่แล้ว และอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทางกรมชลประทานกำหนด ซึ่งแหล่งน้ำหลักในปัจจุบันของ อีสท์ วอเตอร์ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำบางพระ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำระยอง และแหล่งน้ำเอกชน รวมถึงยังมีแหล่งน้ำสำรองที่มีใว้เพื่อเสริมความมั่นคงของแหล่งน้ำหลัก ได้แก่ สระสำรองน้ำสำนักบก สระสำรองน้ำฉะเชิงเทรา สระสำรองน้ำดิบทับมา รวมถึงมีการดำเนินการวางท่อส่งน้ำดิบหลักคลองหลวง-ชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ชลบุรีอีกด้วย นายเชิดชาย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ในพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีผู้ประกอบการเพิ่ม ก็ไม่ได้หวั่น เนื่องจากเป็นเรื่องของการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมสู้ และยังยึดมั่นคำเดิมคือเห็นความสำคัญของผู้ใช้น้ำเป็นหลัก รวมถึงการอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


โดยในปี 2567 โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน ท่อส่งน้ำเดิม ทั้ง 3 โครงการ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลาอันใกล้ หากก่อสร้างแล้วเสร็จท่อส่งน้ำสายหลักจะเชื่อมโยงแหล่งน้ำหลักในภาคตะวันออก ความยาว 526 กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะส่งผลให้อีสท์ วอเตอร์ ยังคงเป็นผู้นำในการบริการจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกต่อไป โดยโครงก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลัก 3 โครงการ ประกอบไปด้วย

1. โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล - หนองค้อ - แหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลบต่อวัน มากกว่าเดิม ทำให้ส่งน้ำไปให้พื้นที่ชลบุรี ได้อย่างเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นหรือในกรณีเกิดภัยแล้ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยังยืน ความยาวกว่า 57.1 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสายหลักประแสร์ – หนองปลาไหลเดิมของอีสท์ วอเตอร์
2. โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทรมายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทน การผันน้ำผ่านคลองพานทอง ความยาวกว่า 49 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อจากท่อส่งน้ำสายหลักปลวกแดง-บ่อวิน
3. โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุต-สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำให้แก่ภาคอุปโภค บริโภค และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ความยาวกว่า 27 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุต เส้นที่ 2

ตลอด 31 ปีที่ผ่านมา อีสท์ วอเตอร์ มีแผนเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพของระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำมูลค่ามากกว่า 22,000 ล้านบาท เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมด ทำให้ อีสท์ วอเตอร์ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่อีอีซี ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในสภาวะภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้น้ำในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อผู้ใช้น้ำ

อีสท์ วอเตอร์ เน้นการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานความโปร่งใส บรรษัทภิบาล และความยั่งยืน รวมถึงการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อบรรลุเป้าหมายในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อทุกภาคส่วน ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างเต็มที่ เพิ่มศักยภาพโครงข่ายท่อส่งน้ำ รองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
โพสต์เมื่อ :
2566-12-26 16:35:02
 75
ผู้เข้าชม


















สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์